กาวซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์สำหรับงานปูกระเบื้องโดยเฉพาะ

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม เอ็กเซล-เพาเวอร์ (สูตรสำหรับงานหนักและต้องการประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงเป็นพิเศษ) มีส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ Type I ทรายละเอียดคัดพิเศษและ สารเคมีเข้มข้นซึ่งให้คุณสมบัติการยึดเกาะและ ความยึดหยุ่นตัวสูง คัดสรรโดยนักวิจัย/ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ นำเข้าจากเยอรมันและประเทศชั้นนำอื่นๆ ผ่านการทดสอบ ISO 13007-2005 และ ANSI 118.4 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ที่สูงกว่ามาตรฐานการใช้งานทั่วไป

1. ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากฝุ่นผง คราบสกปรก และคราบน้ำยาอื่นใดที่หลงเหลืออยู่จากการก่อสร้าง 
2. ผสมกาวซีเมนต์ไฮเซ็ม เอ็กเซล-เพาเวอร์ ด้วยน้ำสะอาด ในอัตราส่วน 3:1 โดยประมาณ คนให้เข้ากันด้วยเครื่องผสมปูนรอบต่ำทิ้งไว้ 3-5 นาที อย่าเติมน้ำเพิ่มอีก หลังจากบ่มกาวซีเมนต์จนได้ที่ กาวซีเมนต์พร้อมใช้งานได้ประมาณ 30-40 นาที (การผสมกาวซีเมนต์แต่ละครั้งควรผสมเพื่อให้ใช้ได้ในคราวเดียว) 
3. ปาดกาวซีเมนต์บนพื้นผิวด้วยเกรียงเรียบก่อนเพื่อให้เนื้อกาวครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมด และเก็บฝุ่นผงที่อาจหลงเหลืออยู่ 
4. ปาดกาวซีเมนต์ด้านเกรียงหวีให้ได้ความหนาประมาณ 4-6 มม. หากเป็นกระเบื้องขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก หรือกระเบื้องแกรนิต กระเบื้องหินอ่อน ควรปาดกาวซีเมนต์ด้านหลังตัวกระเบื้องด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นหลังกระเบื้องด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าพื้นหลังกระเบื้องสัมผัสกับเนื้อกาวซีเมนต์อย่างสมบูรณ์ไม่มีช่องอากาศหลงเหลือ แล้วจึงกดกระเบื้องลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้ หากกระเบื้องที่มีแผ่นใยประสานด้านหลังเพื่อกันการแตกหักของตัวกระเบื้องให้ใช้ น้ำยาไฮเซ็มเฟล็กซ์ เพาเวอร์ (HICEM FLEX-POWER) เป็น primer ทาด้านหลังกระเบื้องก่อนเพื่อเพิ่มการดูดซึมระหว่างกระเบื้องกับปูนกาวซีเมนต์ให้ดียิ่งขึ้น จากนั้นจึงค่อยปาดกาวซีเมนต์ ให้เต็มพื้นหลังกระเบื้องตามที่แนะนำไว้ข้างต้น และจึงกดกระเบื้องลงบนพื้นผิวที่เตรียมไว้ 
5. ปรับระดับและจัดตกแต่งกระเบื้องตามต้องการภายใน 20-30 นาที และไม่ควรขยับหรือปรับระดับอีกเมื่อกาวซีเมนต์เริ่มเซ็ทตัว (30 นาที โดยประมาณ) ระหว่างนี้ไม่ควรให้พื้นที่ตกแต่งกระเบื้องเปียกน้ำหรือมีน้ำขังโดยเด็ดขาด จากนั้นทิ้งไว้อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือจนแน่ใจว่ากระเบื้องเซ็ทตัวสมบูรณ์แล้วเท่านั้น จึงเปิดพื้นที่ให้ใช้งานได้ตามปกติ 

1. กรณีพื้นผิวใหม่ (โครงสร้างใหม่) ต้องทิ้งให้พื้นผิวซีเมนต์เซ็ทตัวอย่างสมบูรณ์หรือแห้งสนิท (สูงสุดที่ 28 วัน อาจสังเกตจากพื้นผิวซีเมนต์จะเปลี่ยนเป็นสีขาว) จึงเริ่มงานปูกระเบื้อง 
2. กรณีพื้นปูนปรับระดับหรือปูนฉาบซีเมนต์ใหม่ต้องทิ้งให้พื้นผิวซีเมนต์แห้งเป็นเวลาอย่างน้อย 3-5 วัน 
3. กรณีมีการซ่อมแซม หรือเก็บรายละเอียดเพื่อเตรียมพื้นผิว ต้องทำก่อนการปูกระเบื้องอย่างน้อย 3-5 วัน 
4. ไม่ควรปูกระเบื้องในขณะที่อุณหภูมิสูงหรือแสงแดดจัด บางครั้งอาจต้องพรมน้ำที่พื้นผิวเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ และ ลดการดูดซึมน้ำจากกาวซีเมนต์ไม่ให้แห้งเร็วจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะลดลง และหลุดร่อนในที่สุด ในขณะเดียวกันไม่ควรปูกระเบื้อง ขณะพื้นผิวซีเมนต์อุ้มน้ำไว้มากเช่นกัน เช่น ภายหลังฝนตกเพราะจะเป็นสาเหตุให้ปูนกาวเซ็ทตัวหรือแห้งตัวได้ยาก
5. การปูกระเบื้องด้วยกาวซีเมนต์ในแต่ละครั้ง ควรปาดกาวซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้างไม่เกิน 1 ตารางเมตร เพราะจะทำให้กาวซีเมนต์แห้งตัวก่อนติดกระเบื้องเสร็จ

สำหรับปูกระเบื้อง บริเวณที่ต้องทนกับสภาพการใช้งานหนักและต้องการประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงเป็นพิเศษ

• • งานปูกระเบื้องภายนอกตัวอาคาร 
  • ลานจอดรถ พื้นโรงงาน พื้นที่สาธารณะ โกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ 
  • งานปูกระเบื้องในสระว่ายน้ำ
  • งานปูทับกระเบื้องเก่า (โดยไม่ต้องรื้อกระเบื้องเก่าออกก่อน)
  • งานติดกระเบื้องกับพื้นผิวอื่น ทีไม่ใช่พื้นผิวซีเมนต์ (แต่มีซีเมนต์เป็นองค์ประกอบ) 
  • งานติดกระเบื้องขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก กระเบื้องแกรนิต กระเบื้องหินอ่อน 
  • ก่อ/ฉาบ อิฐมวลเบา 
  • เสริมพื้นผิวซีเมนต์เพื่อการกันซึม

กาวซีเมนต์ ไฮเซ็ม เอ็กเซล-เพาเวอร์ (สูตรสำหรับงานหนักและต้องการประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงเป็นพิเศษ) บรรจุในถุงกระดาษ และพลาสติกเพื่อป้องกันความชื้นอีกหนึ่งชั้น จึงช่วยลดปัญหาปูนแข็งก่อนการใช้งาน ง่ายต่อการกองเก็บและการขนย้ายขึ้นที่สูง ขนาด 20 กก./ถุง

ข้อมูลทางเทคนิค ISO 13007-2005 

Tensile adhesion strength after 28 days                1.16 N/mm2 

Tensile adhesion strength after water immersion 1.46 N/mm2 

Tensile adhesion strength after heat aging            1.27 N/mm2 

Tensile adhesion strength after freeze-thaw cycle 1.14 N/mm2

Open time    30 mins 

Slip resistance    0.20 mm. 

Deformability    7.30 mm.